Minimalism (มินิมอลลิสม์) คือการปรับเปลี่ยนรูปแบบศิลปะมาเป็นวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของผู้คนจำนวนหนึ่งที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก
ความน่าสนใน ไลฟ์สไตล์ ของพวกเขาก็คือ วิถีชีวิตที่พวกเขาเลือกนั้น สอดคล้องกับสถานการณ์การบริโภคสิ่งต่างๆ ซึ่งผู้บริโภคมักจะถูกกระตุ้นให้บริโภคเกินความจำเป็น จนส่งผลกระทบไปถึงทรัพยากรการผลิต กระทบเป็นระบบลูกโซ่ไปถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม
Minimalism เริ่มต้นจากศิลปะ
ย้อนกลับไปช่วง ประมาณปีพ.ศ. 2503 หรือประมาณ 60 ปีก่อน ศิลปินอเมริกันกลุ่มหนึ่ง นำเสนอผลงานศิลปะทั้งจิตรกรรม และประติมากรรมในแบบ มินิมอล (Minimal) หรือรูปแบบที่ถ่ายทอดรูปทรงที่เรียบง่าย ส่วนใหญ่เป็นรูปทรงเรขาคณิต หรือรูปทรงอิสระที่ตัดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออก กระแสมินิมอล ในช่วงเวลานั้นได้รับความสนใจในวงกว้าง จนไม่ได้หยุดอยู่ที่งานจิตรกรรมและประติมากรรม งานสถาปัตยกรรม งานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ งานออกแบบเครื่องอุปโภคบรโภค หรือแม้แต่อาหาร ก็ต่างได้รับอิทธิพลของงานศิลปะแบบมินิมอล จนกลายมาเป็นหลักการในการดำเนินชีวิต
แนวทางการดำรงชีวิตแบบ มินิมอลลิสม์ ได้ส่งอิทธิพลไปทั่วโลก และเมื่อกลายเป็นวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งก็ถูกนำไปผสมผสานแนวคิดแบบเซนที่เน้นดำรงชีวิตอยู่กับปัจจุบัน สร้างสายสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสิ่งแวดล้อมอย่างแนบแน่น ยึดถือ ความเรียบง่าย ประหยัด และตัดสิ่งไม่จำเป็นออก มีของใช้เฉพาะที่จำเป็นต้องใช้ ตามจำนวนที่ต้องใช้งานจริงและว่ากันว่า คนญี่ปุ่นในยุคหลังๆ ประยุกต์แนวคิดนี้มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตมากขึ้น เพราะตระหนักถึงความไม่แน่นอนในชีวิตที่มากขึ้น ทั้งจากภัยพิบัติ ปัญหาเศรษฐกิจปัญหาสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตในเมือง ที่กลายเป็นข้อจำกัดสำคัญของชีวิต
japan style
เหล่ามินิมอลลิสม์ ชาวญี่ปุ่นไม่ต้องการเบียดเบียนสิ่งแวดล้อม เสียค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือเสียพื้นที่ของที่อยู่อาศัยซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด ไปกับการจัดเก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็น
ไรอัน นิโคเดมัส (Ryan Nicodemus) และ โจชัว ฟิลด์ส มิลล์เบิร์น (Joshua Fields Millburn) ผู้แต่งหนังสือ EVERYTHING THAT REMAINS : A MEMOIR เล่าถึงแนวคิด แบบมินิมอลลิสม์ ไว้ในสารคดีเรื่อง Minimalism : A Documentary About the Important Things ไว้อย่างน่าสนใจว่า วิธีคิดแบบมินิมอลลิสม์ คือ เชื่อมั่นว่า คุณภาพต้องมาก่อนปริมาณ มีเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้เท่าที่จำเป็น ไม่ได้หมายถึงให้เลิกซื้อของเสียทีเดียว แต่จำเป็นต้องเลือกซื้อของที่มีคุณค่าและการใช้งานจริง ต้องรู้ทันการตลาดที่กระตุ้นผู้คนให้จับจ่ายซื้อของเพื่อให้ทันเทรนด์ด้วยสื่อโฆษณา
วิถีชีวิตของชาวมินิมอลลิสต์
วิถีชีวิตของชาวมินิมอลลิสต์ ส่งผลไปถึงเรื่อง ขยะ และการกินอยู่ เพราะการลดการซื้อสินค้าใดๆ ย่อมหมายถึง การลดขยะ ที่เกิดจาก บรรจุภัณฑ์ ต่าง ๆ ตามไปด้วย ด้านอาหารการกินก็ลดการรับประทานอาหารนอกบ้าน เนื่องจากตระหนักดีว่า การทำอาหารเอง จะช่วยสร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืนได้ นอกจากจะช่วยควบคุมปริมาณขยะได้แล้ว ยังสามารถเลือกประกอบอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการในแต่ละมื้อได้ในราคาถูก ชาวมินิมอลลิสต์จำนวนหนึ่งหันไป ปลูกผัก หรือผลิตอาหารเองเพื่อลดวงจรของปริมาณขยะลงให้ได้มากที่สุด
สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม
แม้ว่าปัญหา สิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญจะเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุร่วมกัน แต่ส่วนใหญ่ก็เกิดจากความต้องการใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้น ในขณะที่ทรัพยากรทั่วโลกนั้นเริ่มมีอยู่อย่างจำกัด และยากจะปฏิเสธว่า ความต้องการในการบริโภคที่เกินพอดี ได้สร้างปัญหาการบุกรุกทำลายสิ่งแวดล้อมและสร้างปัญหาการใช้ทรัพยากรที่ไม่ยั่งยืนตามมาอีกด้วยวิถีชีวิตแบบมินิมอลลิสต์ จึงเป็นทางเลือกหรือจุดทบทวนตัวเองที่น่าพิจารณานำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันด้วยความตระหนักอยู่เสมอว่า การลดการบริโภคลงเท่ากับกำลังเพิ่มความยั่งยืนให้สิ่งแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์ Bioway สกัดเอนไซม์จากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี รักษาสิ่งแวดล้อม เป็นนวัตกรรมจากฝีมือนักวิจัยไทย ที่ได้รับการพิสูจน์คุณภาพและความพึงพอใจจากลูกค้ามายาวนานกว่า 10 ปี
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Line ID : https://lin.ee/BAJDB0i
Tel. : 081-011-9993, 081-997-2204
Facebook : BiowayNature https://goo.gl/pthpfc
Ig : https://www.instagram.com/biowaynature2020