เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน แอดมินได้มีโอกาสดูสารคดีเรื่องนึง ชื่อว่า
“Breaking the Boundaries: The Science of Our Planet”
เป็นสารคดีที่ได้มีการบรรยายและอธิบายถึงแนวคิดเกี่ยวกับ “Planetary Boundaries” หรือเรียกในภาษาไทยว่า “ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก” ซึ่งเป็นการนำเสนอที่มีมาอย่างยาวนานในแวดวงวิทยาศาสตร์ โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2009
เราทุกคนอยู่ในสภาวะที่โลกเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยและถี่ นับไม่ถ้วน นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ย้อนไปจากในอดีตกาลจนถึงปัจจุบัน เกิดภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติทางอากาศ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย เกิดภัยพิบัติทางน้ำ การสูญเสียผืนป่าและสัตว์ต่างๆ อีกนับไม่ถ้วน การเกิดความเสียหายทางธรรมชาติมากมายเหล่านี้เป็นต้น
สำหรับคุณ คุณคิดว่า อะไรคือปัจจัยหลักที่ทำให้ธรรมชาติที่เราอยู่ พึ่งพาอาศัยกันอยู่นี้ ค่อยๆ ล่มสลายหายไปกันนะ…
สิ่งนั้นเราก็คงหนีไม่พ้นคำว่า “มนุษย์” นั้นเอง
ทุกวันนี้
เรามีบ้านอันสงบสุขอยู่
เรามีผืนป่า
เรามีอากาศให้หายใจ
เรามีน้ำสะอาดให้ใช้อย่างอุดมสมบูรณ์
เรามีธรรมชาติให้ชื่นชมความงดงามต่างๆ
ดูเหมือนธรรมชาติจะอยู่กับเราตลอดไป
ดูเหมือนธรรมชาติจะมีมากพอสำหรับพวกเราทุกคน
ทุกอย่างดูจะเป็นเรื่องไกลตัวเราไปซะหมด
แต่ความเป็นจริงที่หลายๆ คนมองข้าม
หรือเลือกที่จะ Ignorant (ไม่สนใจใยดี)
เพราะคิดว่าทุกอย่าง คงไม่เกิดขึ้นกับฉันหรอก
ทุกวันนี้ยังใช้ชีวิตปกติดีนิหน่า ก็ไม่เห็นจะน่ากลัวอะไรเลย..
ใช่ค่ะ! แอดมินก็เคยรู้สึกแบบนั้น มันไม่น่ากลัว มันไม่น่าต้องระวัง เคยรู้สึกแบบนั้น.. เพราะแท้จริงแล้ว เราไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับธรรมชาติมากเท่าที่ควรจะรู้เลยด้วยซ้ำ..
หลังจากที่ได้ดูสารคดีเรื่องนี้ ก็ได้ไปตามดูอีกหลายๆแห่ง แต่วันนี้ที่แอดมินอยากมาแชร์หรือแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับ “ขีดจำกัดของธรรมชาติ” หรือที่สิ่งที่สารคดี “Breaking the Boundaries: The Science of Our Planet” กำลังตั้งใจสื่อสารบอกเราอยู่นั้น สิ่งที่สารคดีต่างๆ ทำมาเพื่อเตือนเราอยู่นั้นหลังจากที่ดูสารคดีนี้ แอดมินบอกเลยว่า.. รู้สึกสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย และมันไม่ได้ไกลตัวอย่างที่เราคิด!
สารคดี Breaking the Boundaries นำเสนอผ่านการถ่ายทำของ ดร. โยฮัน ร็อกสตรอม อดีตผู้อำนวยการ Stockholm Resilience Centre แห่งมหาวิทยาลัยสต็อกโฮล์ม เขาเป็นนักวิจัยหลักผู้นำเสนอผลงานศึกษา Planetary Boundaries มาตั้งแต่ปี 2009
โยฮันได้อธิบายที่มาของแนวคิด Planetary Boundaries ว่าถูกพัฒนาขึ้นมาจากการแสวงหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์สามด้านหลักๆ คือ
1. เศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศเพื่อให้เข้าใจว่าระบบนิเวศและธรรมชาติสำคัญต่อมนุษย์อย่างไร
2. กระบวนการทำงานของโลกและผลกระทบจากกิจกรรมมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
3. กรอบความคิดเกี่ยวกับความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัว ซึ่งเน้นว่าระบบนิเวศมีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา ที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่มันมักจะมีขีดจำกัด
โยฮันยอมรับว่าแนวคิด Planetary Boundaries เป็นผลงานที่ต่อยอดจากรายงานความยั่งยืนฉบับแรกๆของโลก นั่นก็คือ “ขีดจำกัดของการเติบโต” หรือ The Limit to Growth โดย The Club of Rome กลุ่มนักวิชาการนักคิดสายความยั่งยืนที่เก่าแก่ที่สุดของโลก สิ่งที่เขาทำกันนั้นได้มีการทำแบบจำลองออกมาหลายชุด
และผลปรากฏข้อสรุปใจความที่อยากจะบอกทุกคนนั้นคือ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจโลกจะเติบโตต่อเนื่องอย่างไร้การควบคุมจน เกิดขีดจำกัดของต้นทุนทางธรรมชาติ หมายความว่าเราใช้และทำลายมันจนเกิดขีดจำกัดของมัน สุดท้ายโลกจะเริ่มเข้าสู่สภาวะล่มสลายของการผลิตและประชากรทั่วโลกในระหว่างปี 2050-2070 นี้คือสิ่งที่สารคดีได้กล่าวไว้..
ข้อสรุปที่เราได้มาอีกหนึ่งอย่างคือ หากทุกประเทศและทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบเดิมๆ ได้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสหลีกเลี่ยงหายนะได้มากขึ้นเท่านั้น หรือพูดง่ายๆคือ เราต้องเร่งปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตแบบเดิมโดยเร็วที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ในสารคดีเรื่องนี้เขายังชี้แนะไปสู่กระบวนการแนวคิดที่พวกเขาตั้งใจส่งออกสู่สาธารณะจากการรวบรวมหลักฐานและงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์จำนวนมาก
โยฮันและคณะได้บ่งชี้ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลกออกมา 9 ด้าน เรียงลำดับตามความรุนแรง ซึ่งมีด้วยกัน 4 ระดับ ใน 9 ด้านนี้ ระดับวิกฤติรุนแรง / ระดับน่าเป็นห่วง / ระดับปลอดภัย / และระดับที่ยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่ง 9 อย่างนี้ทุกคนสามารถไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ ทุกคนสามารถไปติดตามรับชมสารคดีซีรี่ย์นี้ทาง netflix ในเรื่อง
“Breaking the Boundaries: The Science of Our Planet”
อย่างน้อยตัวแอดมินและทุกคนเอง อาจจะไม่ใช่นักวิจัย หรือเป็นผู้นำทางด้านวิทยาศาสตร์ในการปรับสมดุลย์ ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในขนาดที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างที่คุณโยฮัน ทำได้ซะทีเดียว..
แต่ในสารดคีหรือทุกๆองค์กรต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัวเรา หรือ ตัวคุณ นี้แหละที่จะสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนพลังงานเล็กๆ เหล่านี้ที่จะทำให้เรามีโลกที่ดีขึ้น และไม่ทำร้ายโลกนี้อีกต่อไป
ทางเลือกเล็กๆ ที่เราพอจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเรา
แยกขยะ หรือเลิกใช้พลาสติก
ทางเลือกที่นับได้ว่าตอนนี้ทุกคนก็ช่วยหรือพยายามรณรงค์กันอย่างมากขึ้น คุณรู้ไหมว่าทุกวันนี้พลาสติกที่ตกตะกอนลงไปในแม่น้ำ ทะเล ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันตันและนับว่ากี่ปีดีกว่า พลาสติกเหล่านั้นมันไม่เคยหายไปไหน ถ้าเป็นขวดพลาสติกอย่างน้อย 450 ปี ถุงพลาสติก 450 ปี คุณพระ! กว่าที่จะย่อยสลายหลายปีขนาดนั้นแล้วมันไปอยู่ไหนกันละ.. มันก็ถูกย่อยซึมเข้าไปในอาหาร เป็นอาหารของสัตว์ต่างๆ และสัตว์ต่างๆก็มาเป็นอาหารให้กับเราต่อ มีงานวิจัยหลายอันต่างเป็นเสียงเดียวกันว่า เราบริโภคพลาสติกอย่างน้อยวันละ 5 กรัมทุกวัน เทียบเท่าขนาดบัตรเครดิต 1 ใบ.. เพราะฉะนั้น ลองปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเราเพียงเล็กน้อย ค่อยๆลด ละ เลิก มาใช้ถุงผ้า พกถุงผ้าหรือกระเป๋าใช้ซ้ำ อย่างน้อยเราค่อยๆช่วยกันลด ดีกว่าเราไม่ได้ทำแถมยังซ้ำเติมให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในการบริโภคพลาสติกกันเข้าไปทุกวันอีก
ลดการใช้ ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีเป็นองค์ประกอบ
มีการสำรวจพบว่าในบ้านที่เราอยู่อาศัย อาจมีสารเคมีมากกว่า 400 ชนิด ซึ่งบางอย่างก็เป็นสารพิษ และมีอีกหลายอย่างที่ไม่เคยมีการนำมาทดสอบความปลอดภัย การที่เรา ผู้ใช้ และคนในครอบครัว ตลอดจนสัตว์เลี้ยงแสนรักที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ต้องสัมผัสกับสารเหล่านี้เป็นเวลานาน ค่อยๆ สะสม จนวันหนึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ อาจจะเริ่มต้นป่วยจากมีอาการ ไอ จาม ปวดศรีษะบ่อยๆ ผิวหนังเริ่มมีอาการระคายเคือง เป็นผื่นแดง เริ่มรักษาเบื้องต้นไม่หาย จนต้องไปพบแพทย์ ก็คงหนีไม่พ้นว่าเราป่วยเป็น ภูมิแพ้ แพ้สารเคมี
การสนับสนุนให้เลิกหรือลด กินเนื้อวัวหรือเนื้อสัตว์ช่วยโลกได้นะ
ตัวอย่างเช่นโปรเจ็คของ World Meat Free Day – งดกินเนื้อสัตว์สักวันเพื่อโลก! ในเว็บไซต์ไม่แสวงหาผลกำไรของ greenpeace เขาก็ได้บอกไว้ว่า ..รู้ไหมว่าการงดกินเนื้อสัตว์ นอกจากจะเป็นการช่วยชีวิตสัตว์แล้ว ยังดีต่อสุขภาพของเราและสุขภาพของโลกอีกด้วยเพราะการทำปศุสัตว์ใช้ทรัพยากรมหาศาล เรียกได้ว่ามหาศาลมาก! ร้อยละ 30 ของผืนโลกที่ไม่ได้ปกคลุมด้วยน้ำแข็งนั้น ถูกใช้ไปกับการทำปศุสัตว์ และปลูกพืชเพื่อเลี้ยงปศุสัตว์โดยเฉพาะ ซึ่งทำให้การปล่อยก๊าซมีเทน(จากวัว) และก๊าซเรือนกระจกต่างๆรวมถึงผลิตของเสียอีกมากมาย สาเหตุหลักในการเกิดสภาวะโลกร้อนนั้นเอง.. ในที่นี้คุณอาจไม่จำเป็นต้องเลิกกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต แต่เพียงแค่หนึ่งวัน หรือหันมาปรับเปลี่ยนวิธีการกิน ไม่ว่าจะเป็นการกินเนื้อสัตว์น้อยลง หรือเลือกกินเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้มีที่มาจากอุตสาหกรรมที่บุกรุกทำลายป่า คุณก็ช่วยโลกของเราได้มากแล้ว
ปัญหาน้ำเสีย และ การบำบัดน้ำเสีย
เป็นผลมาจากการใช้สารเคมีทำความสะอาด ผลคือสารเคมีไหลไปพร้อมน้ำ ลงสู่บ่อบำบัด หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้น้ำเสีย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ทำสะสมมาเป็นเวลานานมากกว่า 100 ปี ตั้งแต่เริ่มมีการเข้ามาของเทคโนโลยีการผลิต หรือการปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิต ถ้าเราไม่เปลี่ยน ไม่ทำอะไรเลย มันก็จะเป็นแบบนี้ต่อไป เมื่อน้ำเสีย ก็เกิดแก๊สเสีย เป็นมลพิษทางอากาศ โลกร้อน น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง เกิดภัยธรรมชาติ ซึ่งมีผลกระทบกับมวลมนุษยชาติ เพียงเราปรับเปลี่ยนที่ตัวเรา เริ่มทำอะไรได้ก็ต้องทำ ต้องปรับตัว และอีกหนึ่งทางเลือกที่เราอยากแนะนำ ผลิตภัณฑ์ Bioway เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เราตั้งใจคิดค้น ช่วยลดมลพิษทางน้ำ เพราะผลิตภัณฑ์ Bioway สกัดจากเอนไซม์ธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี รักษาสิ่งแวดล้อม เป็นนวัตกรรมจากฝีมือนักวิจัยไทย ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า..คุณภาพและความพึงพอใจจากลูกค้ามายาวนานกว่า 10 ปี ด้วยเพราะเราไม่มีส่วนผสมของสารเคมี จึงไม่ทำให้น้ำเสีย ไม่ต้องเสียเวลา เสียแรง หรือนำทรัพยกรมาบำบัดน้ำเสีย สามารถประหยัดเวลาและแรงงานได้อีกมากมาย
เริ่มจากจุดเล็กที่สุด นั่นคือตัวเรา
เพื่อเป็นเหมือนหยดน้ำหนึ่งหยด
ที่หยดแล้วสามารถสั่นสะเทือนไปสู่วงกว้างได้
เราอาจไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
แต่เราจะเป็น จุดเปลี่ยนเล็กๆ
ที่สามารถจะทำให้ชีวิตครอบครัวของเรา
ลูกหลานในอนาคตของเรา ตระกูลของเรา
หรือ คนที่เรารัก.. เพื่อให้เขาเหล่านั้น
ยังมีโอกาสได้ใช้ชีวิตที่เห็นความสวยงามของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
อย่างที่มนุษย์คนหนึ่งสมควรจะได้รับ..
ได้มีโอกาสใชีชิวิตกับธรรมชาติอันน่าจดจำเหล่านี้ไปนานๆ
เริ่มต้นทุกอย่าง ก่อนที่มันจะสายเกินไป…
เพราะโลกนี้ไม่ใช่ของใคร โลกนี้เป็นของเรา
จะดีขึ้นหรือแย่ลงก็เกิดจากตัวเรา
ดังที่สารคดีต่างๆ หรืองานวิจัยต่างๆ เขาได้บอกต่อพวกเราไว้แล้ว..
#ถ้าเราทำแบบเดิมเราก็จะได้เหมือนเดิม
#อยากอยู่ในโลกที่ดีขึ้นจงใช้ชีวิตที่ต่างออกไป
#เราแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เราเลือกอนาคตต่อไปได้
#StartWithYou #BetterWorld #BetterLife
#BioWay
If you are still looking for that one person who will change your life, take a look in the mirror.
Roman Price
สินค้านวัตกรรมสำหรับทำความสะอาด และกำจัดกลิ่น ที่ผลิตด้วย เอนไซม์ธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี (รักษาสิ่งแวดล้อม) ที่ท่านอาจสนใจ
ผลิตภัณฑ์ Bioway สกัดเอนไซม์จากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี รักษาสิ่งแวดล้อม เป็นนวัตกรรมจากฝีมือนักวิจัยไทย ที่ได้รับการพิสูจน์คุณภาพและความพึงพอใจจากลูกค้ามายาวนานกว่า 10 ปี
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Line ID : https://lin.ee/BAJDB0i
Tel. : 081-011-9993, 081-997-2204
Facebook : BiowayNature https://goo.gl/pthpfc
Ig : https://www.instagram.com/biowaynature2020